143 รวมเข้าชม,  1 เข้าชมวันนี้

]

สิงคโปร์ซึ่งเป็นที่เลื่องลือเกี่ยวกับการเข้มงวดเรื่องรักร่วมเพศ มีความเคลื่อนไหวที่ทำให้ธงสีรุ้ง ที่เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ออกมาโบกสะบัดเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังนายกรัฐมนตรีประกาศยกเลิกกฎหมายอาญาห้ามคู่เกย์มีเพศสัมพันธ์กัน
นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ออกมาประกาศเมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจะยกเลิกกฎหมายอาญามาตร 337A ที่ห้ามชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย โดยระบุว่า สิ่งที่เขาได้ประกาศไปเป็นสิ่งที่ควรทำ และเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในสิงคโปร์ และยังกล่าวด้วยว่า สังคมปัจจุบันยอมรับเกย์มากขึ้น การยกเลิกมาตรา 377A จะช่วยให้คู่เกย์ชาวสิงคโปร์รู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้น แต่ผู้นำสิงคโปร์ยังคงยึดมั่นในนิยามของการแต่งงานตามกฎหมายที่ระบุ ให้ทำได้เฉพาะระหว่างเพศหญิงกับเพศชาย ซึ่งจำเป็นที่สิงคโปร์ต้องคงไว้ เพื่อการรักษาแบบแผนดั้งเดิมเกี่ยวกับการสร้างครอบครัวและบรรทัดฐานทางสังคม
อย่างไรก็ตาม แม้นายลีจะยอมยกเลิกกฎหมายดังกล่าวซึ่งห้ามการมีเพศสัมพันธ์ของคู่เกย์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สิงคโปร์จะสนับสนุนการออกกฎหมายรับรองการแต่งงานของเพศเดียวกัน ดังเช่นในบางประเทศ
ทั้งนี้ มาตรา 377A ของสิงค์โปร์ อาจถือได้ว่าเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่ยุคที่สิงคโปร์เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งอังกฤษบังคับใช้กฎหมายอาญาดังกล่าวที่ระบุว่า การร่วมเพศ “อย่างผิดธรรมชาติ” ระหว่างชาย หญิง หรือ สัตว์ เป็นสิ่งต้องห้ามในอินเดีย ที่เป็นหนึ่งในอาณานิคมของอังกฤษ และกฎหมายอาญาที่บังคับใช้ในอินเดียนี้ ก็ถือเป็นต้นแบบของกฎหมายอาญาในประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ที่ปรากฏการบังคับใช้ในประเทศอาณานิคมอังกฤษอย่าง เคนยา มาเลเซีย เมียนมา และสิงคโปร์ โดยสิงคโปร์ยังคงมาตรานี้ไว้ แม้จะประกาศอิสรภาพเมื่อปี 2508
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2561 ศาลสูงสุดอินเดียได้มีคำสั่งครั้งประวัติศาสตร์ ให้ยกเลิกมาตรา 377 นับเป็นแรงกระเพื่อมที่ทำให้นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนมีความหวังว่า ประเทศอดีตอาณานิคมอังกฤษต่างๆ จะผลักดันให้มีการยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ตามอย่างอินเดีย
ทั้งนี้ หลังการประกาศยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 377A ในสิงคโปร์ กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้ออกมาฉลองแสดงความยินดี โดยระบุว่า นับเป็นชัยชนะสำหรับมนุษยชาติ แต่ก็มีประชาชนบางส่วนที่แสดงความกังวล และการยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ก็อาจเป็นอุปสรรคต่อความเท่าเทียมเรื่องการแต่งงาน
ที่มา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220826084157227

ASEAN Studies Centre

Recommended Posts