1,150 รวมเข้าชม,  1 เข้าชมวันนี้

]

 

1.มัสยิดสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน (Omar Ali Saifuddien Mosque)

มัสยิดสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน หนึ่งในมัสยิดที่สวยที่สุดของโลก เป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไน ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน มัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนินการสร้างโดยสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟัดดินที่ 3 พระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน และสร้างเสร็จในปีค.ศ. 1958 มัสยิดนี้เป็นมัสยิดเก่าแก่อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไนตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์ เสรีเบกาวัน มัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนการสร้างโดยสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟัดดินที่ 3 ผู้ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกสมัยใหม่ของบรูไน และเป็นพระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน และมัสยินนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1958 มีความงดงามจนได้ชื่อว่า “มินิทัชมาฮาล”

ภายในประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนและกระเบื้องคลาสสิค เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบอิสลามกับสถาปัตยกรรมอิตาลี สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของมัสยิดแห่งนี้ก็คือโดมทองคำสูง 52 เมตร สร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์มากถึง 3.3 ล้านแผ่น ภายนอกล้อมรอบด้วยสวนกว้างใหญ่ มีเรือจำลองพระราชพิธีในสระ ตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟประดับสวยงาม ปัจจุบันมัสยิดแห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและใช้เป็นเวทีประกวดอ่านคัมภีร์อัลกุรอานอีกด้วย

 

2.มัสยิดทองคำ เจมส์ อาร์ อัสซานัส โบลเกียห์ (Jame Asr Hassanil Bolkiah Mosque)

มัสยิดทองคำประจำชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีสถาปัตยกรรมที่งดงามที่สุดในบรูไน และถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ของมัสยิดที่งดงามที่สุดในโลก มัสยิดแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน เป็นมัสยิดประจำราชวงศ์ สร้างขึ้นในโอกาสเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 25 ปี ของสุลต่านแห่งบรูไนองค์ที่ 29 องค์ปัจจุบัน จึงสร้างโดมทองคำอันโดดเด่นจำนวน 29 หลัง ตัดกับหลังคาสีฟ้าน้ำทะเล มีบันไดทางขึ้น 29 ขั้น โคมไฟ 29 ดวง ภายในตกแต่งด้วยวัสดุต่างๆ ที่นำเข้ามาจากหลายประเทศทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นหินอ่อนสีขาวจากอิตาลี แกรนิตจากเซี่ยงไฮ้ โคมคริสตัลจากอังกฤษ พรมเส้นใยพิเศษสั่งทอจากซาอุดิอาระเบีย และแชนเดอเลียร์ทองคำแท้ขนาดยักษ์จากออสเตรีย พรมจากประเทศเบลเยียมและซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น ภายในมีห้องละหมาดที่ตกแต่งอย่างงดงามพร้อมโคมไฟเชนเดอเลียร์ขนาดยักษ์ 29 โคม มีห้องสวดมนต์ 2 ห้องแยกชายและหญิง บันไดทางขึ้นแต่ละชั้นมี 29 ขั้น มีห้องพักรองรับผู้มาเยือนได้ถึง 5,000 คน ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายใน

 

3.พิพิธภัณฑ์รอยัลเรกกาเลีย (Royal Regalia Museum)

พิพิธภัณฑ์รอยัลเรกกาเลีย ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์ เสรี เบกาวันได้รับการยกย่องว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีสมบัติล้าค่าและน่าชมที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปเอเชีย เป็นสถานที่รวบรวมข้าวของและเครื่องใช้ซึ่งล้วนแล้วแต่หาค่ามิได้ของสุลต่านองค์ปัจจุบัน มีทั้งราชรถทองคำ ฉลองพระองค์ทองคำ เครื่องทรงทองคำ อาวุธทองคำ รวมทั้งมีการแสดงพระราชประวัติขององค์สุลต่านและเครื่องราชบรรณาการจากนานาประเทศ ที่มีความวิจิตรงดงามสูงค่าแบบหาดูได้ยาก เช่น คริสตัล หยก งาช้าง และยังมีพระที่นั่งจำลองมาให้ได้ชมกัน ภายในแบ่งออกเป็น 4 ห้องคือ ห้องจัดแสดงเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หอศิลป์หลวง ห้องจัดแสดงนิทรรศการพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ครบรอบ 25 ปี (Silver Jubilee) และห้องจัดแสดงนิทรรศการพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปี (Golden Jubilee) ไฮไลท์ของที่นี่ ได้แก่ ห้องเล็ก ๆ ที่จำลองขบวนพาเหรดและการตกแต่งอันสวยงาม เนื่องในวโรกาสครบรอบ 25 ปีที่องค์ สุลต่านขึ้นครองราชย์ โดยที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้ชมกันฟรีๆ ด้านในห้องที่จัดแสดงห้ามถ่ายรูป นักท่องเที่ยวจะต้องถอดรองเท้าพร้อมเก็บของทุกชิ้นไว้ที่ล็อคเกอร์เก็บของ นอกจากนั้นที่นี่ยังมีร้านขายของที่ระลึกรับที่เงินบาทไทยด้วย

4.หมู่บ้านกลางน้ำกัมปงไอเยอร์ (Kampong Ayer)

กัมปงไอเยอร์ หมู่บ้านกลางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีอายุราวมี 1,500 ปี ตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวงบันดาร์ เสรีเบกาวัน บนแม่น้ำบนแม่น้ำบรูไน มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 39,000 คน หรือ 10% ของประชากรบรูไนทั้งหมด กัมปงไอเยอร์เคยเป็นนครหลวงของจักรวรรดิบรูไน เป็นท่าเรือที่สำคัญของภูมิภาค และเป็นจุดรวมของพ่อค้าแม่ค้าจากตะวันตก จีน และประเทศเพื่อนบ้าน ชาวยุโรปยุคแรกๆ ที่เข้ามาได้เรียกหมู่บ้านกลางน้ำแห่งนี้ว่า เวนิสแห่งตะวันออก เป็นชุมชนที่บ้านเรือนและทางเดินเชื่อมต่อกันด้วยไม้ ภายในหมู่บ้านมีมัสยิด โรงเรียน สถานีตำรวจ สถานีดับเพลิงและสถานพยาบาล สามารถนั่งหรือหรือเดินสำรวจหมู่บ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพชาวประมงและเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันมีการสร้างบ้านรูปแบบใหม่เป็นลักษณะบ้านคอนกรีตสองชั้น แต่ยังคงเอกลักษณ์เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่กลางน้ำเหมือนเดิม มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้สะอาดมากขึ้น

5. อุทยานแห่งชาติอูลู เทมบูรง (Ulu Temburong)

อุทยานแห่งชาติอูลู เทมบูรง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าฝนเขตร้อน ที่รวมพืชและสัตว์ป่าหายากนับพันชนิด บนพื้นที่กว่า 50,000 เฮกเตอร์ มีขนาดใหญ่ 1 ใน 4 ของพื้นที่ประเทศบรูไน ที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย เช่น การเดินชมสัตว์ป่า นั่งเรือยางล่องแก่ง ล่องแพไปตามแม่น้ำชื่นชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ตกปลา แคมปิ้งกลางป่า สัมผัสกับชีวิตของชนเผ่าพื้นเมือง เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด จนได้ฉายาว่า “มงกุฎสีเขียวแห่งบรูไน” ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของบรูไนดารุสซาลามในเขต Temburong ล้อมรอบด้วยเขตอื่นอีกสามเขตและรัฐซาราวักของมาเลเซีย เป็นป่าฝนที่ราบลุ่มครอบคลุมพื้นที่ 212 ตารางไมล์ พื้นที่อุทยานอยู่ในตอนบนของภาคตะวันออกของบรูไน ทางตอนใต้ประกอบด้วยพื้นที่ที่เป็นเนินเขาซึ่งมีภูเขาสูงถึง 1,800 เมตร (5,900 ฟุต) และที่ราบลุ่มอยู่ทางตอนเหนือ ภูมิประเทศมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านเป็นหุบเขาแคบและรวมถึงบริเวณชายฝั่งด้วย เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สามารถพบพันธุ์ไม้และสัตว์หายากหลากชนิด เช่น ลิงจมูกยาว หรือผีเสื้อราชาบรูก ได้เพียงที่นี่ที่เดียวบนเกาะบอร์เนียว เหมาะสำหรับศึกษาสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ

 

6.ตลาดตามูเกียงเก้ (Tamu Kianggeh, Morning Market)

ตลาดตามูเกียงเก้ เป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ที่ถนน Sungai Kianggeh เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 6 โมงเช้า – 6 โมงเย็น จำหน่ายของสด เนื้อสัตว์ อาหารทะเลไปจนถึงเครื่องจักรสาน ในอดีตเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ติดคลอง สามารถพายเรือมาซื้อของได้ ปัจจุบันปรับปรุงเป็นโรงเรือนขนาดกลาง มีที่จอดรถ ตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมวัตถุดิบเพื่อนำไปประกอบอาหาร จึงสามารถพบเห็นวิถีชีวิตของชาวบรูไนที่มาจับจ่ายซื้อของประจำวันได้

7.ตลาดกาดง (Gadong Night Market)

ตลาดกาดงเป็นตลาดกลางคืน เป็นตลาดนัดของกิน ศูนย์รวมอาหารสตรีท ฟู๊ด (Street food) ที่ขึ้นชื่อของบรูไน เปิดบริการตั้งแต่บ่าย 3 โมงเย็น – เที่ยงคืน เต็มไปด้วยอาหารมลายู จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และอาหารตะวันตกมากมาย รวมถึงบาร์บีคิว ปลาย่าง ไก่ย่าง ขนมหวาน อีกทั้งยังมีแผงขายผักผลไม้สดๆ โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์บอร์เนียว ซึ่งหาทานที่อื่นค่อนข้างยาก นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆ

 

8. พระราชวังอิสตานา นูรุล อิมาน (Istana Nurul Iman)

พระราชวังอิสตานา นูรุล อิมาน ตั้งอยู่ในกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1987  มีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกตกแต่งอย่างประณีตด้วยวัสดุชั้นดี พร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่าพระราชวังแวร์ซายถึงสี่เท่าและใหญ่กว่าพระราชวังบักกิ้งแฮมถึงสามเท่า มีห้องถึง 1,788 ห้อง ห้องน้ำ 257 ห้อง สระว่ายน้ำ 5 สระ ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ซึ่งบรรจุได้ถึง 5,000 คน โรงรถมีที่จอดรถกว่า 350 คัน ซึ่งมีรถเบนท์ลีย์ทำจากทองคำ เฟอร์รารี่ และโรลส์-รอยซ์ ซึ่งสั่งทำพิเศษคันเดียวในโลก เครื่องบินโบอิ้ง 747-400 มูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์ รวมไปถึงเครื่องบินส่วนพระองค์อีก 6 ลำ ใช้สำหรับต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างแดน และยังเป็นทำเนียบรัฐบาล โดยพระราชวังแห่งนี้จะเปิดให้เข้าชมเพียงปีละครั้งหลังเดือนรอมฎอน หรือหลังพิธีถือศีลอดเป็นต้นไป

 

ที่มา

https://sites.google.com/site/prathesbruniy/sthan-thi-sakhay

https://www.mushroomtravel.com/page/brunei-travel/

https://www.yingpook.com/blogs/world/10-best-of-brunei

ASEAN Studies Centre

Recommended Posts