223 รวมเข้าชม, 1 เข้าชมวันนี้
]
ไทย-เวียดนาม กลายเป็นศูนย์กลางการค้าเหรียญคริปโตในหมู่ประเทศสมาชิกอาเซียน ขึ้นแซงแม้กระทั่งศูนย์กลางการเงินอย่างสิงคโปร์ ที่กำลังต่อสู้กับกฎหมายใหม่ที่ออกมาเพื่อควบคุมภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้
.
จากข้อมูลของ Chainalysis พบว่าทั้ง 2 ประเทศมีปริมาณการซื้อ-ขายเหรียญคริปโตสูงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ ก.ค. 2564 – มิ.ย. 2565 เลยทีเดียว โดยมองว่าผู้ใช้ในประเทศชนชั้นกลางระดับต่ำและชนชั้นกลางระดับสูงมักพึ่งพาเหรียญคริปโตในการโอน เพื่อรักษาเงินออมไว้ในช่วงที่มีความผันผวนของสกุลเงินตรา และมีแนวโน้มที่จะใช้ Bitcoin และ Stablecoins มากกว่าประเทศอื่นๆ
.
โดยไทยมีมูลค่าธุรกรรมคริปโตสูงถึง 1.36 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐตลอดทั้งปี ขณะที่เวียดนามสูงถึง 1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยสิงคโปร์ที่ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
.
อย่างไรก็ดี Vijay Ayyar รองประธานฝ่ายพัฒนาองค์กรและการขยายสู่ระดับโลกของแพลตฟอร์มคริปโต Luno มองว่า ความเสี่ยงจากปัจจัยมหภาคอย่างเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยอาจนำมาซึ่งภาวะถดถอยในอนาคตได้ ซึ่งมาจากราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลกจากการบุกรุกยูเครนของรัสเซียในปีนี้ และธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กำลังต่อสู้กับการควบคุมต้นทุนที่สูงขึ้นผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนต่างๆ เริ่มหลบหนีจากจุดที่เสี่ยงกว่าอย่างคริปโตออกไป
.
โดยจากตัวเลขของบริษัทบัญชี KPMG พบว่า เงินทุนคริปโตในสิงคโปร์ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าที่ออกในรายงานเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา อีกทั้งเงินลงทุนไหลเข้าของคริปโตยังลดลงเหลือ 539.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 จาก 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว
ที่มา: AEC Connect
ASEAN Studies Centre