311 รวมเข้าชม,  1 เข้าชมวันนี้

]

รัฐบาล สปป. ลาว ให้คำมั่นว่าจะแก้ปัญหาหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ โดยระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีพันคำ วิภาวัณห์ ได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่หยุดการอ่อนค่าของสกุลเงินกีบและเพดานเงินเฟ้อที่สูงขึ้นถึง 30% ในเดือนที่ผ่านมา พร้อมสั่งให้รีบแก้ปัญหาหนี้สะสมที่เกิดจากรัฐวิสาหกิจอย่าง Lao State Fuel Enterprise และให้ปฏิรูปบริษัทผู้ให้บริการไฟฟ้าของรัฐที่ประสบปัญหาอย่าง Electricite du Laos อีกด้วย
.
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าแนวโน้มที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้กำลังมีมากขึ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ซึ่งรวมถึง สปป.ลาว และเมียนมาที่มีความเสี่ยงเหมือนกับที่ศรีลังกาไม่สามารถชำระหนี้ต่างประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ โดย สปป. ลาว มีสถานะว่าจะผิดนัดชำระมากที่สุดเนื่องจากมีการกู้ยืมจากภายนอกสูง มีตั๋วเรียกเก็บสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น และสำรองเงินตราต่างประเทศที่กำลังลดลง
.
อย่างไรก็ดี Thippakone Chanthavongsa โฆษกรัฐบาลระบุว่า รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญผ่านโครงการพัฒนาที่ได้เงินลงทุนจากต่างประเทศเพื่อที่จะทำให้เกิดกระแสเงินสดไหลเข้า และยังให้คำมั่นว่าจะตรวจสอบการลงทุนให้เข้มงวดมากขึ้นด้วย
.
ขณะที่ สปป. ลาว ที่มีประชากรราว 7.5 ล้านคนกำลังเผชิญปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงกันอย่างกว้างขวางในปีนี้ ประกอบกับมูลค่าเงินกีบที่ลดลง จึงทำให้เกิดเป็นแรงกดดันหลักที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ โดยในเดือนที่ผ่านมา ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าเชิงพาณิชย์และค่าบริการเดลิเวอรี่ใน สปป. ลาว เพิ่มขึ้นถึง 51.7% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น 96.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน
.
นอกจากนี้ Fitch ยังปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวของ สปป. ลาว ให้ลงไปอยู่ที่ CCC ในเดือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจากภายนอกที่เพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นและภาวะการเงินทั่วโลกที่กำลังตึงตัว สำหรับทุนสำรองเงินตราต่างประเทศยังคงทรงตัวที่ประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตลอดเดือนมีนาคม แม้จะมีแรงกดดันจากการอ่อนค่าของเงินกีบก็ตาม
ที่มา: AEC Connect

ASEAN Studies Centre

Recommended Posts