181 รวมเข้าชม, 1 เข้าชมวันนี้
]
4 กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
กรมบัญชีกลางรื้อระเบียบจัดซื้อจัดจ้างป้องกันฮั้วประมูลงานภาครัฐ โดยยกเลิกข้อกำหนดการจ้างงานเอสเอ็มอี 30% ของงบประมาณ และยกเลิกข้อกำหนดจ้างเอสเอ็มอีในพื้นที่ก่อน มีผลตั้งแต่ 1 ก.พ.65 เป็นต้นไป
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อ จัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้ปรับปรุงแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุนตามหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 845 ลงวันที่ 31 ส.ค.64 ใหม่ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการสมยอมกันในการเสนอราคา การลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้ง ลดความผิดพลาดในการใช้ดุลยพินิจในการพิจารณา
โดยได้ยกเลิกแนวทางปฏิบัติดังกล่าว รวมทั้ง ยกเว้นการปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563
ทั้งนี้ สาระสำคัญคือ กรณีเงื่อนไขเกี่ยวกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้ยกเลิกการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่น้อยกว่า 30% ของงบประมาณที่ตรงกับการขึ้นทะเบียนสินค้าหรืองานบริการที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม(สสว.)กำหนด
ขณะเดียวกัน ยังยกเลิกการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดซื้อ จัดจ้าง กับเอสเอ็มอีในพื้นที่ ที่จังหวัดของหน่วยงานของรัฐตั้งอยู่ก่อน โดยวิธีคัดเลือก หากพัสดุที่หน่วยงานของรัฐต้องการจัดซื้อจัดจ้างนั้นมี เอสเอ็มอีขึ้นทะเบียนไว้ครบตั้งแต่ 6 รายขึ้นไป ส่วนกรณีให้แต้มต่อกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในการเสนอราคาสูงกว่าผู้ประกอบการทั่วไปได้ไม่เกิน 10% ของราคาต่ำสุดของผู้ประกอบการที่ไม่เป็นเอสเอ็มอี ยังคงเดิม
สำหรับเงื่อนไขเกี่ยวกับสินค้า เมด อิน ไทยแลนด์ หรือเอ็มไอที สำหรับกรณีการจัดซื้อ ได้ยกเลิกกรณีพัสดุที่จะจัดซื้อมีผู้ประกอบการที่ได้รับเครื่องหมายเอ็มไอทีจากสภาอุตสาหกรรมฯ ตั้งแต่ 6 รายขึ้นไป เปลี่ยนเป็นให้กำหนดสเปคว่า เป็นพัสดุที่ได้รับเอ็มไอที และต้องจัดซื้อจากผู้ประกอบการที่มีเครื่องหมาย เอ็มไอที เท่านั้น และเพิ่มเติมเงื่อนไขใหม่ ดังนี้ ให้แต้มต่อกับผู้เสนอราคาได้เสนอพัสดุที่เป็นพัสดุที่ผลิตภายในประเทศที่ได้รับการรับรองเครื่องหมาย เอ็มไอทีจากสภาอุตสาหกรรมฯ สูงกว่าผู้เสนอราคารายอื่นไม่เกิน 5%
ส่วนกรณีใช้การพิจารณาแบบราคารวม ให้แต้มต่อกับผู้ยื่นข้อเสนอที่ได้เสนอสินค้าหลายรายการรวมกันเป็นสินค้าที่ได้รับเครื่องหมาย เอ็มไอที จากสภาอุตสาหกรรมฯ โดยมีมูลค่าตั้งแต่ 60% ขึ้นไป ในการเสนอราคาสูงกว่าผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นไม่เกิน 5% กรณีผู้เสนอราคาเป็นบุคคลไทยหรือนิติบุคคลไทยตามกฎหมายให้แต้มต่อผู้เสนอราคาที่เป็นบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุดของผู้ยื่นข้อเสนอ ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ได้ถือสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศไม่เกิน 3%
ขณะที่ กรณีการจัดซื้อจัดจ้างวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท กำหนดให้กรณีวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างครั้งหนึ่งที่มีวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นลำดับแรกก่อน
ทั้งนี้ หนังสือฉบับนี้ มีผลกับการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะประกาศเชิญชวนในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.65 เป็นต้นไป
ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก กรณีหน่วยงานของรัฐได้ส่งหนังสือเชิญชวนไปยังผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีจนถึงวันที่ 31 ม.ค.65 ให้ยกเลิกการเชิญชวนนั้น และดำเนินการใหม่ภายใต้เงื่อนไขตามหนังสือฉบับนี้
ที่มา.. กรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/business/986124
แนวทางการปฏิบัติตามกฏกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ว 78)
#กรมบัญชีกลาง #จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
กองคลังและทรัพย์สิน