698 รวมเข้าชม
698 รวมเข้าชม ] วันที่ 21 ม.ค. 64 ณ ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กับ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กับ โดยมี พระธรรมวัชรบัณฑิต อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานแต่ละฝ่ายในการลงนามในครั้งนี้ พร้อมกันนี้มีตัวแทน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา,รองอธิบดีกรมการแพทย์,นายแพทย์อาคม ขัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ พระเทพปวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร , พระเทพเวที รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต,พระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายต่างประเทศ ผู้บริหารคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ มจร ร่วมเป็นสักขีพยาน พระธรรมวัชรบัณฑิต กล่าวว่า วันนี้ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ขออนุโมทนาบุญคณะของอธิบดีกรมการแพทย์ที่ได้ร่วมบำเพ็ญกุศล ให้ความช่วยเหลือพระสงฆ์ด้านสุขภาพมาเป็นเวลาอันยาวนาน ต่อไปคงจะมีกลไกทำงานร่วมกับ มจร โดยมีพระเทพปวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร และผู้บริหารระดับสูง รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไปกับคณะผู้บริหารฝ่ายคฤหัสถ์ ซึ่งต่อไปจะเป็นการลงนามความร่วมมือกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพระสงฆ์ พระนิสิตและผู้ที่จะเข้ามาปฎิบัติธรรม ใน มจร ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ ดังที่ท่านทราบแล้วนั้น “เรื่องของการดูแลผู้ป่วย พระพุทธศาสนาให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ร่างกายของมนุษย์เรานี้เป็นรังของโรค โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาหลายเล่มบอกว่าในร่างกายมนุษย์นี้มีหมู่หนอนอยู่ 80,000 ตัวที่เป็นรังของโรค ก็คือ เชื้อโรค พระพุทธเจ้าจึงให้ความสำคัญ ให้ความสำคัญ ขนาดว่าตั้งพระให้ดูแลพระด้วยกันเองชื่อว่า พระคิลานุปัฎฐาก เป็นตำแหน่งที่พระพุทธเจ้าทรงตั้งให้ ซึ่งวันนี้เรากำลังนำพุทธประเพณีตรงนี้กลับคืนนี้ นอกจากนี้ยังมีค่าตอบแทนให้พระอีกชื่อว่า คิลานุปัฎฐากภัต ไม่ให้กังวลเรื่องการใช้การเป็นอยู่ มจร ให้ความสำคัญกับตรงนี้เป็นอย่างมาก พระพรหมบัณฑิต อดีตอธิการบดี องค์เก่า ท่านไปดูงานที่ใต้หวัน ก็นำหลักสูตรชีวิตและความตายมาเปิดระดับปริญญาโท ที่นี้ วันนี้ขออนุโทนากับกรมการแพทย์ที่ดูแลเรื่องสุขภาพกาย มาประสานร่วมกับคณะสงฆ์ และ มจร ที่เชี่ยวชาญการดูแลเรื่องสุขภาพใจ มาประสานทำงานร่วมกันต่อเพื่อพระพุทธศาสนา คณะสงฆ์และประเทศชาติของเรา..” ส่วนนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้กล่าวว่า วันนี้นอกจากเป็นเกียรติแล้ว ยังรู้สึกว่าเป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้มารับใช้พระพุทธศาสนา ความจริงกรมการแพทย์เรามีความคิดมานานแล้วว่า ต้องการนำการรักษาออกจากโรงพยาบาลคือมองเห็นว่าโลกยุคนี้และยุคอนาคตจำต้องนำการรักษาแบบ ทุกที่ ทุกเวลา “ปัญหาโรคเรื้อรังในพระคุณเจ้าเป็นกันมาก ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้มีนิสิตนับหมื่นรูป น่าจะเป็น sandbox ที่ดีในการดูแลผู้ป่วยนอกโรงพยาบาล